สืบเนื่องจากการที่ตลาดรถ EV นั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้มีผู้เข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์ค่ายดังต่างๆ ไม่ว่าเป็นเป็นระดับกลางอย่าง Toyota, Honda หรือ Nissan ไปจนถึงแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Porsche และ Mercedes-Benz ที่ต่างก็ออกมารถ EV ของพวกเขา และอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีความพรีเมี่ยมไม่แพ้กันเลยอย่าง BMW ก็ได้ส่งตัวแทนลงมาแข็งขันในตลาดนี้กันแล้วด้วย BMW i4
เมื่อพลังงานไฟฟ้ากลายเป็นอนาคตที่ค่อนข้างจะแน่นอน นั่นทำให้บริษัทรถยนต์ต้องปรับเปลี่ยนระบบการใช้เชื้อเพลิง เพื่อทำให้มลภาวะของโลกเราลดน้อยลง สำหรับ BMW นั้น รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด ด้วยรถรุ่น i3 ที่มีอยู่มานานทำให้พวกเขาได้เรียนรู้จากมันและพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆในการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าของพวกเขา ซึ่งรถรุ่น i8 ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามมาก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้โลกเห็นว่าความสนุก สมรรถนะ และการลดมลภาวะสามารถไปด้วยกันได้ แต่มันก็ยังเป็นรถ Plug-in Hybrid ที่ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์สันดาปอยู่
แต่การรอคอยของใครหลายๆคน โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบในตัวแบรนด์หรือเทคโนโลยี่รถไฟฟ้าก็ได้สิ้นสุดลง ด้วยการปรากฏตัวของ BMW i4 ซึ่ง BMW i4 นั้นมาพร้อมสองทางเลือกในระดับขุมพลัง คือ BMW i4 eDrive40 และ BMW i4 M50
เริ่มกันที่ BMW i4 eDrive40 กันก่อนเลย ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน สามารถทำอัตราเร่ง 0-100kmh ได้ภายใน 5.7 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อควิ่งไกล 590 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง น้ำหนักตัวรถตามมาตรฐาน EU 2,125 กิโลกรัม
และมาต่อกันที่รุ่น BMW i4 M50 ซึ่งเป็นรุ่น High Performance และนับเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายที่พัฒนาโดย M Division ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จากมอเตอร์แยกสองชุด สามารถสร้างพลังได้ 544 แรงม้า เมื่อผู้ขับเปิดโหมด Sport Boost Function แต่ถ้าไม่ได้เปิดใช้ หรือขับในโหมดปกติ i4 M50 จะมีพลัง 476 แรงม้า
ในส่วนของภายในนั้น การออกแบบนั้นยังคงมีกลิ่นของ BMW 4 Series โดยเฉพาะแดชบอร์ดตอนล่าง และแผงประตูที่มีความคล้ายกันกับ 3 Series และ 4 Series แต่ได้มีการเพิ่มจุดเด่นเข้ามาก็คือจอยาว “BMW Curved Display” ซึ่งเชื่อมหน้าปัดส่วนที่เป็นมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว กับจอกลางขนาดใหญ่ 14.9 นิ้ว รวมกันไว้เป็นชิ้นเดียว
ในวันที่อากาศร้อนเจ้าของรถสามารถสั่งให้รถเปิดแอร์ทำความเย็นรอได้เลยโดยผ่าน BMW Display Key หรือ My BMW App. ในระหว่างที่กำลังเดินไปที่รถ อีกทั้ง BMW i4 ยังมีกรองอากาศห้องโดยสารแบบ Nanofibre ซึ่งสามารถกรองฝุ่นที่เข้ามาในห้องโดยสาร ให้คุณหายใจได้สบายปอด
ในเรื่องของการชาร์จไฟ BMW i4 สามารถรองรับรูปแบบการชาร์จได้หลากหลาย สำหรับการเสียบชาร์จไฟบ้าน ก็สามารถใช้ได้กับระบบไฟทั้งแบบกระแสสลับ 1 Phase และ 3 Phase ส่วนใครก็ตามที่อยากได้แท่นชาร์จดีๆ ก็มี BMW Wallbox Charger เวอร์ชั่นบ้านที่รองรับการชาร์จ 11kW ให้เลือกเช่นกัน ส่วนการชาร์จไฟแบบกระแสตรง ตามสถานีชาร์จขนาดใหญ่ เมื่อเสียบปลั๊กไว้ 10 นาที i4 eDrive40 จะได้พลังไฟฟ้าพอสำหรับการวิ่ง 164 กิโลเมตร และ 140 กิโลเมตร สำหรับ i4 M50 ครับ เหมือนกันกับการชาร์จเร็วที่พบได้ในยุโรป