ตรวจสอบใบปัดน้ำฝน
ปกติแล้วเราควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุกปี หรือถ้าคิดว่ามันยังใช้ได้อยู่ก็ควรตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน โดยทำความสะอาดกระจกและยางปัดน้ำฝนให้สะอาดก่อน จากนั้นฉีดน้ำแล้วลองปัดดูว่า ใบปัดน้ำฝนสามารถกวาดน้ำบนกระจกหน้าได้เกลี้ยงไหม
ถ้ามีเส้นของคราบน้ำให้เห็นควรเปลี่ยนใหม่ทันที และถ้าขณะที่ปัดน้ำฝนทำงานแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดหรือครืดคราดก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน เพื่อป้องกันกระจกเป็นรอยในภายหลัง
ตรวจสอบร่องรอย
ควรตรวจสอบการรั่วซึมต่าง ๆ เช่น อ่างน้ำมันเกียร์ อ่างน้ำมันเครื่องซีลท้ายหรือหน้าเครื่อง เพราะว่า การรั่วซึมที่เกิดขึ้นจะทำให้ของเหลวที่อยู่ภายในซึมออกมา เช่นน้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง เป็นต้น
ทางออกของน้ำมันเหล่านั้นมันก็กลายเป็นทางเข้าของน้ำและความชื้นได้เป็นอย่างดี และน้ำนี่แหละจะเป็นตัวการทำให้เกียร์ โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เกิดความเสียหาย โดยเริ่มจากการทำงานของเกียร์ที่ผิดปกติ
ตรวจสภาพใต้ท้องรถ
เป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว เพราะการปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบ อาจจะทำให้ความเสียหายมากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งน้ำท่วมเป็นประจำ การเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้สำคัญมาก อย่างแรกที่ควรเช็คคือ พวกยางหุ้มแร็คและยางหุ้มเพลา เพราะการปริแตกหรือฉีกขาดเพียงเล็กน้อยจะส่งผลเสียหายตามมาอย่างมาก เพราะน้ำที่ท่วมนั้นมักจะมีโคลนทรายและสิ่งสกปรกปะปนอยู่ น้ำจะเข้าไปชะล้างจาระบีที่อยู่ภายในออกมา และทรายหรือดินที่อยู่ในน้ำก็จะเข้าไปแทนที่ปะปนอยู่กับจาระบี ทำให้จะเกิดความหายนะขึ้นกับชิ้นส่วนเหล่านั้น เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่ต้องเคลื่อนไหว และมีการเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา ทรายและดินเม็ดเล็ก ๆ ที่เข้าไปแทรกอยู่ระหว่างหน้าสัมผัสจะทำให้เกิดการสึกหรออย่างรุนแรงและรวดเร็ว
ตรวจสอบระบบเบรก
ลองสำรวจดูว่าน้ำมันเบรกเปลี่ยนล่าสุดตอนไหน ถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเบรกในช่วงเกือบ ๆ 2 ปีที่ผ่านมา ก็ควรถือโอกาสเปลี่ยนซะเลย เพราะความขึ้นในอากาศจะยิ่งทำให้น้ำมันเบรกที่ใกล้เสื่อม เสื่อมเร็วยิ่งขึ้น และอาจจะทำให้น้ำมันเบรกเดือดจากกรณีใช้เบรกหนัก ๆ เนื่องจากความชื้นที่ปะปนอยู่ในระบบเบรกนั่นเอง ที่สำคัญควรเช็คผ้าเบรกหน้าและหลังว่าหมดหรือไม่ ถ้าเริ่มหมดก็ควรเปลี่ยนเช่นกัน
เตรียมอุปกรณ์จำเป็นสำหรับฤดูฝน
อุปกรณ์กันฝน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน หรือหมวกเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมติดรถเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน และที่ขาดไม่ได้คือไฟฉายที่ควรแยกถ่านเอาไว้ต่างหาก และควรเก็บไว้ในช่องเก็บของหรือหลังเบาะ
อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สเปรย์ไล่ความชื้น กระดาษทิชชู สายลากรถ ผ้าพลาสติกสำหรับปูกันเปื้อน สายพ่วงแบตเตอรี่ก็ควรต้องมีเอาไว้
ตรวจสอบยาง
ความเปียกลื่นบนท้องถนนนั้นจะทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวและการยืดเกาะถนนลดลง อย่างแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบการสึกหรอของหน้ายางว่าอยู่ในระดับไหนแล้ว โดยที่หน้ายางจะมีระดับบอกการสึกหรอต่ำสุดของยางอยู่
กรณีดอกยางสึกมาก คุณจะต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังใช้ความเร็วต่ำลง และหลีกเลี่ยงการขับขี่ลุยแอ่งน้ำ เนื่องจากประสิทธิภาพในการรีดน้ำของหน้ายางลดลง ทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้ง่าย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดอกยางใกล้หมด ถ้าคุณไม่รู้ว่าขีดบอกระดับต่ำสุดของดอกยางอยู่ตรงไหน สามารถทดสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ไม้บรรทัดเสียบลงไปในร่องของดอกยาง ถ้าร่องดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 2 มิลลิเมตรถือว่าอยู่ในระดับอันตราย
ในฤดูฝนนั้นร่องลึกของดอกยางมีความสำคัญมากในการรีดน้ำ ถ้ายางมีสภาพไม่ค่อยดีก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันที ยางที่หมดดอกจะทำให้การควบคุมพวงมาลัย การทรงตัว และประสิทธิภาพในการเบรกลดลงอยู่ในขั้นวิกฤติเลยทีเดียว