ปัจจุบันมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความกังวลให้แก่ผู้ที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอยู่มาก นอกจากประสิทธิภาพการวิ่ง ความทนของชิ้นส่วน และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาแล้ว เรื่องหัวปลั๊ก หรือหัวชาร์จเองก็สร้างกังวลไม่แพ้กัน
ซึ่งหัวชาร์จรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีหลากหลายรูปแบบตามผู้ผลิตและประเทศที่จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า โดยสามารถแบ่งเป็นประเภทได้และรูปแบบดังนี้
หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) Type 1
รูปแบบหัวชาร์จนี้นิยมใช้ใน EV ของฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่น หัวต่อแบบ 5 Pin เป็นการชาร์จแบบ Single Phase รองรับกระแสไฟฟ้าได้ 32A (7.4 kWh)
หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) Type 2
Type 2 นั้นเป็นรูปแบบที่นิยมใช้สำหรับ EV ในยุโรป สามารถพบได้ทั่วไปตามสถานีชาร์จสาธารณะ เป็นหัวต่อ 7 Pin จ่ายไฟอยู่ที่ 3.7kW แต่ในผู้ผลิตบางรายได้พัฒนาให้เป็นรูปแบบ 3 Phase ทำให้จ่ายไฟได้ถึง 22kW และมีเพียง Tesla เท่านั้นที่มีการใช้ Type 2 แบบ DC โดยตามเอกสารนั้นสามารถจ่ายไฟได้ถึง 130kW สำหรับชนิดนี้จะใช้งานค่อนข้างแพร่หลายในไทย เนื่องจากรถยนต์ยุโรป เกาหลีใต้ และจีนจะนิยมใช้ปลั๊กรูปแบบนี้
หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตร ง (DC) CHAdeMO
CHAdeMO : หัวชาร์จรูปแบบนี้จะพบได้ใน รถยนต์ญี่ปุ่น อเมริกา ซึ่งปลั๊กรูปแบบนี้จะมีใช้ง านอย่างแพร่หลาย
GB/ T : หัวชาร์จรูปแบบนี้จะพบได้ในรถยน ต์ไฟฟ้าจากประเทศจีน
Tesla Supercharger : หัวชาร์จไฟฟ้ากระแสตรงจาก Tesla โดยในเมืองไทยยังไม่มีการใช ้งานอย่างแพร่หลาย
หัวชาร์จสำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) Combined Charging System
หัวชาร์จรูปแบบนี้หัวชาร์จที่มีกำลังสูง ถือเป็นการชาร์จแบบ DC ที่ได้รับความนิยมเป็นมาตรฐานทั่วไป สามารถรองรับได้ทั้งการชาร์จแบบกระแสสลับและกระแสตรงในหนึ่งเดียว โดยด้านบนสุดจะเป็นปลั๊กสำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ ส่วนด้านล่างจะเป็นปลั๊กกระแสตรง ซึ่งจะมีการแยกความแตกต่างกันโดย CCS Type 1 (CCS Combo 1) จะสัมพันธ์กับปลั๊กแบบ AC Type 1 ส่วน CCS Type 2 (CCS Combo 2) จะสัมพันธ์กับปลั๊กแบบ AC Type 2 แน่นอนว่าแบบที่สองจะใช้งานอย่างแพร่หลายในเมืองไทย